เขียน Cv หรือ Resume อย่างไรให้ได้งาน
รับสอนและให้คำปรึกษา
'' เขียน Cv หรือ Resume อย่างไรให้ได้้งาน ''
โดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการเขียนและปรับแต่ง มานับหมื่นฉบับ
เพิ่มโอกาสได้งานมากขึ้นหลายเท่าตัว
หากวิถีแห่งชีวิตของน้องๆ คือการมี ชีวิตชีวา และ ชีวิตดีๆ ที่สามารถปรับตัวพร้อมกับมีความรอบคอบในทุกสถานะการณ์ ทั้งที่เป็นปกติ และ ที่มิได้คาดคิดมาก่อน ฉะนั้น ความถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิด ในการเขียน อันเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เพราะจะส่งผลให้ ‘พลาดงาน’ อย่างน่าเสียดาย ดังนั้น เรา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ เรื่อง “เขียน Cv หรือ Resume อย่างไรให้ได้งาน “ จะช่วยน้องๆ เรื่องการเขียน ได้ถูกต้อง ตรงประเด็น เพราะเราทำอย่างเข้าใจ จากประสบการณ์อันยาวนาน
เครื่องมือทางการตลาด
ประวัติส่วนตัว(Cv หรือ Resume) คือตัวแทนทางการตลาดชั้นดีสำหรับน้องๆ ดังนั้น เราในฐานะ ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญในการสอนและให้คำปรึกษา สามารถช่วยชี้แนะได้ โดยน้องๆ ควรใคร่ควรว่าเพราะอะไร ถึงอยากจะ สมัครงานในตำแหน่งนั้น และตำแหน่งนั้น กำลังต้องการคนแบบไหน แล้วเพราะอะไรน้องๆ ถึงเหมาะสมกับการทำงานในตำแหน่งนั้น ยิ่ง เขียน Cv หรือ Resume ให้มีความชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาส ในการได้งานมากเท่านั้น
ประเด็นสำคัญสำหรับ "เขียน Cv หรือ Resume อย่างไรให้ได้งาน "
มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังในการเขียน ในหลายประเด็น และผู้สมัครจะต้องใส่ใจ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด เพราะถ้าทำพลาด จะส่งผลให้ พลาดงานมากกว่าจะได้งาน นี่คือประสบการณ์ของทีมแฮปปี้ซีวี (HappyCv…..Cv ที่มีชีวิต) ที่ได้จากการพิจารณา Cv หรือ Resume มาแล้ว นับหมื่น ฉบับ
อาจารย์ขวัญ
คำแนะนำสำหรับคนที่เพิ่งจบการศึกษา
วิธีเขียนประวัติส่วนตัวเพื่อสมัครงาน สำหรับคนที่จบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์
วันนี้ HappyCv ขอยกตัวอย่างการเขียนประวัติส่วนตัว (Cv หรือ Resume)ที่ดี จะต้องเขียนอย่างไรให้คนอ่าน สนใจในตัวเรา
ด้วยเหตุนี้ น้องๆควรพิจารณาในสิ่งต่อไปนี้
การวางแผน คือการเริ่มต้นการเขียนที่ดีที่สุด พูดง่ายๆ คือ การมองภาพรวม หาตัวเองให้ได้ ว่าเราเก่งอะไรบ้าง ผ่านอะไรมา – เริ่มจากสรุปทักษะที่เราทำได้ ความสำเร็จที่ผ่านมา และรางวัลที่เคยได้รับ ถ้าเคยฝึกงานหรือทำงานพาร์ทไทม์ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับงานที่เราไปสมัคร เช่นทำงานอาหาร เราสามารถเลือกทักษะ ที่เราได้ฝึกจากงานนี้ไปใช้สมัครงานได้ เช่น การทำงานเป็นทีม, การรับมือกับลูกค้า และการเรียนนรู้เรื่องรายได้รายจ่าย เป็นต้น
แต่ถ้าไม่เคยทำงานมาก่อนเลย ก็อาจจะลองดูว่าขณะเรียนเรามีทักษะอะไรที่ได้ฝึกและทำได้ดี เช่น สามารถทำงานได้ตามกำหนดเวลาตลอด, หรือแม้กระทั่งพูดถึงรายงานที่ได้รับคำชม – ลองเขียนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเป็นตัวเลือก
ให้ข้อมูลตรงไปตรงมา
ความเรียบง่าย ข้อมูลชัดเจน คนอ่านมักไม่ต้องการคำศัพท์สวยๆ ยากๆ เพราะอาจจะดูมากไป และหากเราใส่ประสบการณ์ทำงานหรืออาสาสมัครที่ไม่ได้ทำจริงลงไป ทางบริษัทอาจขอ แหล่งข้อมูล เพื่อตรวจสอบ และตัวเราเองนี่แหละที่จะเจอปัญหา ดังนั้น เราจึงไม่ควรเขียนเรื่องไม่จริงในประวัติส่วนตัว ความตรงไปตรงมา จะสร้างความมั่นใจให้เรา หากได้รับเชิญไปสัมภาษณ์
ความสำคัญของวิชาที่เรียน
เมื่อยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน เราควรใช้ประวัติการศึกษาของเรามาเขียนให้มีประโยชน์ ไม่ต้องใส่ทุกวิชาที่เราเรียน แต่เลือกจัดกลุ่มวิชาที่น่าสนใจ โดยเลือกรายวิชาที่คิดว่าผู้ว่าจ้างจะสนใจหรือเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร อนึ่ง ส่วนคนที่ยังเรียนไม่จบก็เลือกเฉพาะรายวิชาที่มีอยู่
เสริมทักษะและประสบการณ์การทำงาน
ถ้าประวัติส่วนตัว มันโล่งจริงๆ ก็ลองไปเพิ่มประสบการณ์ โดยอาจจะทำงานพาร์ทไทม์ หรือการฝึกงาน หรือการเป็นอาสาสมัครก็ได้ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ลองถามญาติๆ ดูว่าขออนุญาตไปฝึกงานในที่ทำงานของพวกเขาได้ไหม การทำแบบนี้ถึงเราจะไม่ได้เงิน แต่เราจะได้ประสบการณ์และความคุ้นเคยกับการทำงานที่ดี แถมยังทำให้เรามีความแตกต่างจากคู่แข่งคนอื่นๆ การฝึกงานแม้จะได้เงินน้อยหรือไม่ได้เลยก็มีประโยชน์ในการสร้างประสบการณ์ให้เรา
ตรงประเด็นและกระชับ
ประวัติส่วนตัวที่ดูสวยงามแต่ให้รายละเอียดมากไป ก็อาจจะไม่ได้ทำให้บริษัทประทับใจเสมอไป เพราะการอ่าน ประวัติส่วนตัว ทางองค์กรต้องอ่านวันละหลายร้อยฉบับ ดังนั้น ประวัติส่วนตัวควร สั้น กระชับ ชัดเจน จะทำให้บริษัทเข้าใจเราได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นใส่อะไรที่เราทำได้จริงๆ จึงมีความสำคัญ โดยทั่วไปประวัติส่วนตัวไม่ควรยาวเกิน หนึ่ง หรือ สอง หน้ากระดาษ
จัดรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพเรียบง่าย
ประวัติส่วนตัวของเราควรจะอ่านง่ายแม้แค่กวาดสายตาผ่าน โดยในด้านบนควรจะพูดถึงงานและเป้าหมายของงานที่เราสนใจ รวมทั้งที่อยู่และอีเมลที่ติดต่อได้ ตามด้วยการศึกษา ประวัติการทำงาน ทักษะ และความสำเร็จ และอย่าลืมทิ้งท้ายข้อมูลติดต่อของผู้อ้างอิงของเรา เพราะทางบริษัทอาจติดต่อพวกเขากลับไปได้
คำแนะนำสำหรับคนที่มีประสบการณ์ในการทำงาน
ที่ต้องการสร้างทางเลือกใหม่
คำแนะนำสำหรับผู้มีประสบการณ์ในการทำงาน ที่กำลังเปิดกว้างสำหรับโอกาสงานใหม่มีดังนี้
จงซื่อสัตย์ ข้อมูลที่จำเป็นต้องครบถ้วน
สิ่งหนึ่งที่คุณจำเป็นต้องจำไว้ในใจตลอดก็คือ บริษัท หรือหน่วยงานต่างๆ ต้องทำการตรวจสอบสิ่งที่คุณเขียนลงไป ทั้งชื่อ-นามสกุล และที่อยู่สำหรับติดต่อ ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา รางวัลที่คุณได้รับ ประสบการณ์การทำงาน ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่คุณต้องเขียนเฉพาะข้อเท็จจริง โดยเฉพาะประสบการณ์การทำงานและผลงานของคุณ
กระชับ และชัดเจน
ควรระลึกว่า มีใบสมัครมากมายที่บริษัทจำเป็นต้องอ่าน เพื่อพิจารณาหาผู้ที่เหมาะสม พวกเขาจึงไม่มีเวลามากนักในการให้ความสนใจ และใช้เวลากับใบสมัครของทุกคน ดังนั้น คุณจึงควรเขียนให้กระชับ และอ่านง่าย เพื่อให้สังเกตเห็นในจุดที่สำคัญได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับทักษะที่จำเป็น ข้อมูลตัวเลขที่เป็นผลงาน ด้วยการเขียนในรูปประโยคที่สั้นและชัดเจน
แสดงความคิดเห็นส่วนตัว และอย่าเปิดเผยข้อมูลอ่อนไหวของผู้อื่นมากเกินไป
ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้พิจารณาจากสิ่งที่คุณเคยทำมาเท่านั้น แต่พวกเขายังพิจารณาจากสิ่งที่คุณสนใจ ความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จ และเป้าหมายของคุณด้วย ดังนั้น จึงเป็นความคิดที่ดี ที่จะเขียนถึงสิ่งที่คุณได้รับจากการทำงานในอดีต และสิ่งที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับจากงานที่คุณต้องการจะสมัคร และเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ การเปิดเผยข้อมูลหรือบ่งบอกเป็นนัยถึงบริษัทหรือลูกค้าที่เคยทำงานด้วย จะดูเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและไม่มีความเป็นมืออาชีพ จึงควรหลีกเลี่ยง
ใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างฉลาด และการพิสูจน์อักษรคือเรื่องสำคัญ
ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้มีเวลามากในการอ่าน ดังนั้นข้อมูลต้องทำให้เข้าใจง่าย เข้าถึงประเด็นที่ต้องการ และในสถานการณ์เช่นนี้ เครื่องหมายวรรคตอนก็สามารถช่วยคุณได้ โดยคุณควรใช้ในการแสดงหัวข้อให้อ่านง่าย รวมทั้งดูเป็นระเบียบ ง่ายต่อความเข้าใจและแสดงความเป็นมืออาชีพ
การพิมพ์ข้อมูลผิด หรือตกหล่น อาจจะทำให้ผู้พิจารณาใบสมัครงานเกิดความรู้สึกว่าบุคคลนี้ ‘ไม่ใส่ใจ’ หรือไม่รอบคอบเพียงพอ จึงเป็นเชิงลบ หรือลดทอนความน่าสนใจของประวัติการทำงานที่ปรากฏอยู่ในเอกสาร ดังนั้น ก่อนจะส่ง จึงควรอ่านซ้ำ หรือให้ที่ปรึกษาช่วยอ่านทวน เพื่อตรวจสอบคำผิด ไวยากรณ์ หรือแม้แต่การเว้นวรรค เอกสารจะได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสะท้อนความละเอียดชัดเจน
รู้จักตัวเองให้ดี
เคล็ดลับนี้ ไม่ได้ใช้เฉพาะในการเขียนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในตอนสอบสัมภาษณ์ และการประเมินตนเองได้อีกด้วย โดยคุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับจุดแข็ง จุดด้อย ความสนใจ และความต้องการของตัวคุณเอง คุณต้องมีความชัดเจนว่า คุณเคยทำอะไรมาบ้าง และคุณได้รับอะไรจากมัน และเป้าหมายที่คุณต้องการคืออะไรในอนาคต เพราะมันจะช่วยสร้างความประทับใจและเชื่อถือ รวมถึงเข้าใจถึงบทบาทของบริษัท และลักษณะงานที่ กำลังสมัคร อนึ่งการฝึกการสัมภาษณ์กับ ที่ปรึกษามืออาชีพ ก็จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจและความพร้อมมากขึ้น
ทำให้ข้อมูลทันสมัยเสมอ
ควรมั่นใจก่อนว่าข้อมูลที่คุณเขียนลงไปนั้น มีการปรับปรุงหรืออัพเดทข้อมูลแล้ว เพราะมันจะเป็นการที่ดีกว่า ถ้าคุณจะเขียนเกี่ยวกับรางวัล หรือประสบการณ์การทำงานล่าสุด ถ้าเป็นกรณีที่บริษัทขอข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ลิงค์อิน หรือเว็บไซต์เพิ่มเติม จากประวัติการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงาน ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ เหล่านี้มีความเหมาะสม เพราะข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ คือสิ่งหนึ่งที่จะสะท้อนทัศนคติของผู้สมัครงาน รวมถึงสะท้อนวิธีการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว
เมื่อคุณเขียนเสร็จ แล้วคิดว่าพร้อมที่จะส่งใบสมัครในตำแหน่งที่คุณสนใจ
ขอให้คุณชั่งใจอีกครั้ง เพราะว่า “การทวนสอบ” ว่าถูกต้องและครบถ้วนแน่ๆ
จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า ดังนั้น จึงควรมีที่ปรึกษา ในการอ่าน และตรวจสอบ เพราะ
พวกเขาสามารถที่จะช่วย พร้อมทั้ง เป็นการเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์
และ การประเมินผลตนเอง ให้เกิดความมั่นใจ อีกทางหนึ่ง